ซีพีเอฟมุ่งสู่ครัวโลก ผ่านเวที ‘THAIFEX’
ซีพีเอฟ (F) ตอกย้ำวิสัยทัศน์ “ครัวของโลก” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารที่เน้นนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ตอบรับเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพและความสะดวกสบายของผู้บริโภคทั่วโลก พร้อมเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ เจาะกลุ่มฮาลาลและตลาดใหม่ ๆ ในยุโรป มั่นใจอาหารยังเป็นสินค้าจำเป็น แม้เศรษฐกิจโลกผันผวน
เนื้อหาดูได้ที่:
English (อังกฤษ)
ซีพีเอฟ (F) ตอกย้ำวิสัยทัศน์ “ครัวของโลก” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารที่เน้นนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ตอบรับเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพและความสะดวกสบายของผู้บริโภคทั่วโลก พร้อมเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ เจาะกลุ่มฮาลาลและตลาดใหม่ ๆ ในยุโรป มั่นใจอาหารยังเป็นสินค้าจำเป็น แม้เศรษฐกิจโลกผันผวน
นายเอกปิยะ เอื้อวุฒิเกริก กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอฟ ฟู้ด เน็ตเวิร์ก จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ว่า บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการขับเคลื่อนธุรกิจด้วย “คุณภาพ” และ “นวัตกรรมยั่งยืน” อย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยและมาตรฐานผลิตภัณฑ์
ซึ่งล่าสุด บริษัทได้นำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ได้รับรางวัลจากเวทีต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไปนำเสนอผ่านงาน ThaiFex 2025 ไม่ว่าจะทั้ง “ไก่ไทยไปอวกาศ” (Space Safe Standard) ที่เป็นข้อพิสูจน์ถึงมาตรฐานคุณภาพระดับสูงของเนื้อไก่ซีพีที่ได้รับการรับรองจากองค์การนาซ่า จนสามารถจัดส่งเป็นอาหารแก่นักบินอวกาศนอกโลกได้
ไปจนถึง “ไส้กรอกน้ำซุป” ที่เสริมประสบการณ์ผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งต้องการความสะดวกพร้อมรสชาติ และความแปลกใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม “F Kitchen Joy” ที่พัฒนาสินค้าในรูปแบบกล่องคิวบ์ รับประทานง่าย เหมาะกับคนรุ่นใหม่ พร้อมเน้นความสนุก สะดวก และยังคงไว้ซึ่งคุณภาพระดับสูง
นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารหลากหลายภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ อาทิ Chef Care, ข้าวตราฉัตร, และผลิตภัณฑ์ซอสต่างๆ ซึ่งไม่เพียงจำหน่ายในประเทศ แต่ยังส่งออกไปยังต่างประเทศด้วยเช่นกัน
“ซึ่งเบื้องต้นเราได้ก้าวจากการเป็นเพียงผู้ผลิตไก่ หมู กุ้งสด ไปสู่การเป็นผู้นำด้านอาหารแปรรูประดับโลก ด้วยสินค้าภายใต้แบรนด์ต่างๆ อาทิ ALL Authentic Asia, Kitchen Joy และ Meat Zero ซึ่งเป็นที่ยอมรับในหลายทวีป ทั้งเอเชีย ยุโรป และอเมริกา”
มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ปี 2050
สำหรับแผนการดำเนินงานจากนี้ไป บริษัทก็ยังมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการก้าวสู่ Net Zero ภายในปี 2050 โดยกระบวนการผลิตทั้งหมดจะมุ่งเน้นการลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ซึ่งเบื้องต้นได้มีการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก หรือ GGO เพื่อวัดปริมาณคาร์บอนที่ลดลงของสินค้าแต่ละประเภท โดยปัจจุบันบริษัทมีสินค้ากว่า 90 รายการที่สามารถลดคาร์บอนได้มากกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน
รวมถึงยังให้ความสำคัญกับเทรนด์สุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและส่งเสริมสุขภาพที่ดี เช่น ไก่เบญจา และ กุ้งชีวา ซึ่งเลี้ยงด้วยกรรมวิธีธรรมชาติ ทำให้มีโอเมก้า 3 และ 6 สูงเทียบเท่าปลาแซลมอน ในราคาที่เข้าถึงได้
“เราไม่ใช้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยงไก่ โดยใช้โปรไบโอติกส์แทน ซึ่งเป็นการยกระดับสุขภาพให้กับคนไทยและคนทั่วโลก”
ส่วนกลยุทธ์ในการทำการตลาด เบื้องต้นยังคงเน้นกลยุทธ์ 3 หลัก ได้แก่ 1.Value for Money นำเสนอสินค้าคุณภาพดีในราคาที่คุ้มค่า เพื่อตอบรับการรับประทานอาหารนอกบ้านที่ลดลง 2.New Experiences สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าสนใจและไม่เหมือนใคร สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
และ 3. Health & Wellness เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการผสมผสานรสชาติความอร่อยเข้ากับคุณประโยชน์ทางโภชนาการ
นายเอกปิยะกล่าวว่า สำหรับในส่วนของแผนการขยายตลาดต่างประเทศ เบื้องต้นมองว่ายังมีโอกาสอีกมาก โดยเฉพาะในยุโรป อาทิ กลุ่มประเทศบอลติก และกลุ่มเครือรัฐเอกราช (CIS) ที่มีประชากรมุสลิมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสินค้าของบริษัทที่ส่งออกทุกตัวมีสัญลักษณ์ฮาลาลอยู่แล้ว จึงมองว่าจะเป็นจุดเด่นในการขยายตลาดกลุ่มนี้ รวมถึงตะวันออกกลางด้วย
นอกจากนี้ บริษัทก็กำลังมองหาการเติบโตในประเทศที่เล็กกว่า เพื่อขยายฐานลูกค้าในตลาดใหม่ ๆ นอกเหนือจากตลาดหลักอย่างสแกนดิเนเวีย อังกฤษ และเยอรมนีด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง นวัตกรรมที่โดดเด่น และความมุ่งมั่นในเรื่องคุณภาพและความยั่งยืน จะทำให้บริษัทสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดอาหารโลก และเป็น “ครัวของโลก” ได้อย่างแท้จริง แม้เศรษฐกิจโลกจะผันผวนก็ตาม